หูดหงอนไก่(HPV)

โรคหูดหงอนไก่(Condyloma acuminatum)

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่น่ากลัวไม่ใช่มีแค่ “โรคเอดส์” , “โรคซิฟิลิส” และ “หนองใน” เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายโรคที่แม้จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าใครเป็นขึ้นมาก็ทำลายความมั่นใจไปได้มากทีเดียว อย่างเช่น หูดที่อวัยวะเพศ หรือ “หูดหงอนไก่” โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ยังพบได้มากในปัจจุบัน แถมยังสามารถกลับมาเป็นได้ซ้ำ ๆ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าไม่มีใครอยากเป็นแน่ ๆ

โรคหูดหงอนไก่ คืออะไร รักษาอย่างไร
โรคหูดที่อวัยวะเพศหรือหูดหงอนไก่ที่เรียกว่า Condyloma acuminatum เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า human papillomavirus (HPV) ซึ่งมีมากกว่าร้อยชนิด โรคหูดส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เกิดจากเชื้อ HPV type 6,11ซึ่งไม่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ชนิดที่อาจจะก่อให้เกิดมะเร็งได้แก่ชนิด types 33, 35, 39, 40, 43, 45, 51-56, 58 ชนิดชนิดที่ทำให้เกิดมะเร็งได้มากได้แก่ชนิด (types 16, 18)
หูดหงอนไก่หรือหูดที่อวัยวะเพศก็เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ยังคงพบได้มากในปัจจุบันถึงแม้จะมีการรณรงค์การป้องกันดีอย่างไรก็ตาม แต่เนื่องจากลักษณะนิสัยของไวรัสต้นเหตุที่เรียกว่าฮิวแมน แปปิโลมาไวรัส (เอชพีวี)ที่ถ่ายทอดถึงกันได้ง่ายโดยผู้ที่ให้เชื้ออาจจะไม่มีอาการอะไรเลย และผู้รับเชื้ออาจได้รับเชื้อนั้นมานานหลายปีกว่าจะเกิดอาการ ในปัจจุบันพบว่าหญิงชายวัยเจริญพันธุ์ร้อยละ 1 มีหูดหงอนไก่ โดยจะพบรอยโรคในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งทำลายความมั่นใจในชีวิตอย่างมาก รวมทั้งต้องเสียเงินและเวลาในการรักษามากมาย แต่สุดท้ายกลับพบว่า ร้อยละ 30- 70 กลับมาเป็นหูดหงอนไก่ซ้ำหลังจากหยุดการรักษาไป 6 เดือน

ไวรัสเอชพีวี (HPV) คือ เชื่อของไวรัสกลุ่มหนึ่งซึ่งรวมไวรัสต่างๆ มากกว่า 100 ประเภท ซึ่งไวรัสเหล่านี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดการติดเชื้อบนพื้นหน้าของผิวหนัง ไวรัสเอชพีวีบางประเภททำให้เกิดหูดที่มือหรือเท้า ในขณะที่ประเภทอื่นๆ ทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามบางครั้งการติดเชื้อเอชพีวีก็ไม่ทำให้เกิดหูดและคนจำนวนมากที่มีเอชพีวีที่อวัยวะเพศไม่ทราบว่าตนเองมีไวรัสนี้ ไวรัสที่ทำให้เกิดหูดส่วนมากจะถูกระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกำจัดให้หายไปเอง

หูดที่อวัยวะเพศหน้าตาเป็นอย่างไร  หูดที่อวัยวะเพศเป็นก้อนเนื้อหรือตุ่มที่เกิดขึ้นที่แคมช่องคลอด ในหรือรอบๆ บริเวณอวัยวะเพศหญิงหรือทวารหนัก บนปากมดลูก  บนองคชาต ถุงอัณฑะ ขาหนีบ หรือต้นขา อาจจะนูนหรือราบ ตุ่มเดียวหรือหลายๆตุ่ม เล็กหรือใหญ่ บ้างจุดสังเกตที่ทำให้วินิจฉัยได้ ว่าเป็น “หูดหงอนไก่” นั้นก็คือ

หูดจะมีลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำ หรือ หงอนที่หัวไก่ชน เป็นติ่งเนื้ออ่อน ๆ สีชมพู

ลักษณะของหูดหงอนไก่

สาเหตุของการติดโรคหูดหงอนไก่
แม้ “หูดหงอนไก่” จะจัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่จริง ๆ แล้ว แม้จะไม่มีเพศสัมพันธ์ก็สามารถรับเชื้อนี้เข้าไปได้โดยการสัมผัส เพราะเชื้อเหล่านี้อาจพบได้ตามร่างกาย ผม ซอกเล็บ เครื่องใช้ต่าง ๆ บางคนอาจนำสิ่งของ หรือมือที่เปื้อนเชื้อไวรัส HPV มาสัมผัสอวัยวะเพศ ก็สามารถติดเชื้อไวรัสตัวนี้ได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยมีการสัมผัสระหว่างผิวหนังกับผิวหนังเป็นช่องทางติดต่อที่พบบ่อยที่สุด ส่วนการใช้เครื่องใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว สบู่ รวมทั้งการสัมผัสหรือเกา แล้วไปสัมผัสบริเวณอื่น เป็นปัจจัยรองลงมา โดยมีระยะฟักตัวนาน 1-6 เดือน

ตำแหน่งที่พบโรคหูดหงอนไก่
โรคหูดที่อวัยวะเพศหรือหูดหงอนไก่ตำแหน่งที่พบบ่อยได้แก่ อวัยวะเพศชาย penis, แคมใหญ่ vulva, ช่องคลอด vagina, ปากมดลูก cervix, บริเวณหัวเหน่า perineum, และบริเวณรอบๆทวารหนัก perianal ตำแหน่งอื่นที่อาจจะพบได้แก่ ช่องปาก คอ หลอดลม      บางแห่งติดเชื้อแต่ไม่มีอาการซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็ง

ลักษณะของหูดหงอนไก่
หูดหงอนไก่จะมีลักษณะแบน สีออกชมพูหรือดำ มักจะเป็นติ่งงอกขยายใหญ่ เกิดได้หลายๆแห่งโดยเฉพาะบริเวณอับชื้น

การติดเชื้อไวรัสเอชพีวี(HPV)ที่บริเวณอวัยวะเพศ สามารถทำให้เกิดรอยโรค(หูด)ได้หลายแบบ 

  1. หูดหงอนไก่(condyloma accuminata) ลักษณะเป็นติ่งเนื้อสีชมพูงอกบานออกทางด้านนอก ดูคล้ายหงอนไก่ หรือดอกกะหล่ำ ในผู้ชายมักเป็นที่ด้านในของหนังหุ้มปลายองคชาติ บางครั้งอาจเกิดที่ปากท่อปัสสาวะ และอาจงอกลามลึกเข้าไปภายในได้ ผู้ชายรักร่วมเพศ มักพบหูดที่รอบทวารหนักซึ่งอาจลุกลามเข้าไปภายในได้ ผู้หญิงพบบ่อยที่ปากช่องคลอด ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี     types 6,11
  2. หูดชนิดแบนราบ(smooth papular warts) มักพบบริเวณปากมดลูก ลักษณะแบนราบ ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี type 16 ปัจจุบันพบว่าหูดชนิดนี้เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก
  3. หูดชนิดกลุ่ม(Groups of warts) ลักษณะเป็นตุ่มขนาด 3 – 4 มม. สีน้ำตาลแดง ม่วง หรือดำ ผิวเรียบ หรือขรุขระเล็กน้อย มักเกิดขึ้นทีเดียวพร้อมกันหลายตุ่ม และอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี types 16,18
  4. หูดก้อนใหญ่ หรือ หูดยักษ์( Giant Condyloma Accumunata หรือ Buschke-Lowenstein tumor)  ลักษณะเป็นหูดขนาดใหญ่ที่โตเร็วมาก จนกลายเป็นก้อนใหญ่ปกคลุมอวัยวะเพศไว้ทั้งหมด ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี type 6 บางคนอาจเรียกว่าเป็นหูดยักษ์ สาเหตุที่ทำให้หูดโตเร็ว ได้แก่ การตั้งครรภ์ ตกขาว ความสกปรก และการติดเชื้อ
  5. หูดในท่อปัสสาวะ ( Urethral Meatus Warts) เป็นหูดที่มีปัญหาในการรักษามากที่สุด เพราะมักจะไม่หายขาด หายแล้วกลับมาเป็นอีก เพราะนอกจากจะเกิดบริเวณปลายท่อปัสสาวะ ให้เจ้าของเห็นแล้ว ก็อาจยังมีในท่อปัสสาวะที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วย
  6. หูดในทวารหนัก (Intra-Anal Warts) หูดชนิดนี้พบมากในผู้ชายรักร่วมเพศ เยื่อบุในทวารหนักมีลักษณะคล้ายกับบริเวณปากมดลูกจึงมีโอกาสเกิดมะเร็งได้ เช่นเดียวกับปากมดลูก มีรายงานใน New England Journal of Medicine ว่าพบมะเร็งที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ในทวารหนักด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามะเร็งนั้นกลายพันธุ์ มาจากหูดที่เกิดจากเชื้อ HPV
  7. หูดในช่องปาก (Squamous papilloma) (Oral Verruca Vulgaris) เกิดจากเชื้อ Human Papilloma Virus พบได้ร้อยละ 2.5 ของรอยโรคในช่องปากทั้งหมด ส่วนใหญ่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาการ พบได้บริเวณรอยต่อเยื่อเมือกและผิวหนังของริมฝีปาก และเยื่อเมือกในช่องปาก โดยเฉพาะที่เพดานแข็งและอ่อน ลิ้นไก่ (Uvala) ขนาดของรอยโรคมีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 1 เซนติเมตรและมีลักษณะยื่นขึ้นมาคล้ายดอกกะหล่ำ รอยโรคมักเกิดเดี่ยวๆ และอาจพบหลายๆ รอยโรคในบางครั้งมักไม่มีอาการ มักพบร่วมกับโรคเอดส์

หูดหงอนไก่
หูดหงอนไก่

หูดในช่องปาก

หูดหงอนไก่ในช่องปาก
หูดหงอนไก่
หูดหงอนไก่

เราได้รับเชื้อไวรัสเอชพีวีหรือเป็นหูดที่อวัยวะเพศได้อย่างไร  เอชพีวีและหูดที่อวัยวะเพศแพร่จากการสัมผัสโดยตรงระหว่างผิวหนังกับผิวหนังระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดหรือทางทวารหนัก อนึ่ง มีความอาจเป็นไปได้ แต่ทว่าไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก ที่การถ่ายทอดเอชพีวีจะเกิดขึ้นในปากจากการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก หูดในบริเวณอื่นๆของร่างกาย เช่นที่มือ เกิดจากเอชพีวีคนละประเภท การสัมผัสกับหูดเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่เป็นสาเหตุทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ หูดอาจเกิดขึ้นภายในเวลาหลายสัปดาห์หลังจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้มีเชื้อไวรัสนี้ หรือมิฉะนั้นอาจใช้เวลาหลายเดือนกว่าอาการจะปรากฏ หรืออาจไม่ปรากฏอาการเลยก็ได้ นี่จึงเป็นเรื่องยากที่จะทราบอย่างแน่ชัดว่าท่านติดเชื้อไวรัสเมื่อไรและจากใคร

เราจะทราบได้อย่างไรว่าติดเชื้อเอชพีวีหรือหูดที่อวัยวะเพศ   ในบางกรณีก็ยากที่จะสังเกต บางครั้ง คนทั่วไปจะไม่ทราบว่าตนเองมีหูดเนื่องจากหูดอยู่ภายในช่องคลอด หรือบนปากมดลูก หรือในทวารหนัก นอกจากนี้ หูดยังมีสีเนื้อเหมือนสีของผิวหนังและไม่เจ็บ น้อยครั้งมากที่ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่นอาการคัน เจ็บ หรือเลือดออกบางครั้ง จะพบหูดระหว่างการตรวจร่างกาย ในสตรี ผลของการทดสอบ “แพ็พ เทสต์” ที่ผิดปกติ อาจเป็นร่องรอยแรกที่แสดงให้เห็นว่ามีการปรากฎของเอชพีวี อย่างไรก็ตาม การทดสอบ “แพ็พ เทสต์” ไม่ใช่การตรวจหาเอชพีวี

ท่านควรไปพบแพทย์หรือไปที่โรงพยาบาลหากมีอาการดังต่อไปนี้ :

  • ท่านสังเกตเห็นก้อนเนื้อ ตุ่ม หรือการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังบนหรือใกล้องคชาต ช่องคลอด แคมช่องคลอด หรือทวารหนัก ที่ผิดปกติ
  • ท่านสังเกตว่ามีอาการคัน เจ็บ หรือ เลือดออกที่ผิดปกติ
  • คู่นอน (คนเดียวหรือหลายคน) ของท่านบอกให้ท่านทราบว่าเขาหรือเธอมีเอชพีวีที่อวัยวะเพศ หรือเป็นหูดที่อวัยวะเพศ
  • หากสตรีคนใดที่ผลการทดสอบ “แพ็พ เทสต์” ผิดปกติ สตรีผู้นั้นควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือผู้ให้การดูแลด้านสุขภาพอนามัย

อาการของโรคหูดหงอนไก่
1. ผู้ที่สูบบุหรี่ ทานยาคุมกำเนิด มีคู่นอนหลายคน หรือมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อยจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหูดหงอนไก่
2. ประมาณร้อยละ60ของผู้ป่วยจะเกิดโรคหูดหงอนไก่หลังจากสัมผัสผู้ป่วยไปแล้วประมาณสามเดือน
3. อาการทีสำคัญของผู้ป่วยโรคหูดหงอนไก่ คือ มีก้อนไม่เจ็บปวด อาจจะมีอาการคัน หรือมีตกขาว
4. สำหรับผู้ที่มีประวัติมีเพศสัมพันธ์ทางทวาร หรือทางปากอาจจะมีก้อนบริเวณดังกล่าว
5. ผู้หญิงอาจจะมาด้วยเรื่องมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ส่วนผู้ชายอาจจะมีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก

โรคหูดหงอนไก่นี้พบบ่อยแค่ไหน
1. โรคหูดหงอนไก่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่พบได้ ทุกเพศ ทุกวัย พบบ่อยที่สุด มักจะพบในวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว
2. ผู้ที่มีโรคทำให้ภูมิอ่อนแอ เช่น โรคเอดส์ โรคเบาหวาน ผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยเหล่านี้จะมีขนาดของหูดหงอนไก่ใหญ่กว่าปกติ กลับเป็นซ้ำหรือมีโรคแทรกซ้อน
3. โรคหูดหงอนไก่นี้อาจจะกำเริบในขณะตั้งครรภ์ทำให้หูดหงอนไก่มีขนาดใหญ่และขวางการคลอดตามธรรมชาติ

แพทย์จะตรวจหาหูดหงอนไก่ได้ที่ไหนบ้าง
สำหรับผู้ชาย
1. พบก้อนได้บริเวณอวัยวะเพศ
2. ส่วนหัวของอวัยวะเพศ
3. หรือเยื่อบุในท่อปัสสาวะ
4. สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักอาจจะพบก้อนเนื้อหูดหงอนไก่บริเวณรอบทวารหนัก
หูดหงอนไก่
สำหรับผู้หญิง
1. ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ
2. แคมใหญ่ แคมเล็ก
3. ช่องคลอด

แพทย์จะต้องตรวจพิเศษอะไรบ้าง
การที่ท่านเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แพทย์จะต้องตรวจหาว่าท่านติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างอื่นอีกหรือไม่โดยจะตรวจ
1. หนองในแท้ หนองในเทียม
2. โรคเอดส์ HIV
3. โรคซิฟิลิส
4. ตรวจภายในทำ PAP Smear
5. ตรวจหาการติดเชื้อโดยที่ไม่มีอาการ โดยการใช้ acetic acid ปิดไว้ห้านาที แล้วใช้แว่นขยายส่อง ซึ่งอาจจะพบรอยโรค
6. การตัดชิ้นเนื้อตรวจ

PAP Smear

วิธีรักษาโรคหูดหงอนไก่ในปัจจุบัน รักษาอย่างไร
หลักการรักษาเมื่อพบหูดจะเอาหูดออก หากไม่รักษา ก้อนอาจจะมีขนาดเท่าเดิม หรือหายไปเอง หรืออาจจะมีขนาดใหญ่ขึ้น การเอาก้อนหูดหงอนไก่ออกไม่ได้กำจัดการติดเชื้อไวรัส HPV ออกจากร่างกาย การเอาหูดหงอนไก่ออกจะลดการติดต่อลงเท่านั้น
1. การจี้ด้วยความเย็น Cryotherapy  (การใช้ไนโตรเจนเหลวจี้หูดออก) จะต้องกระทำโดยเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพอนามัย
2. การใช้ไฟฟ้าจี้
3. การขูดเอาเนื้องอกออก Curettage
4. การผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อออก Surgical excision
5. การใช้ Laser Carbon dioxide laser treatment หรือ การผ่าตัด
6. การใช้ยาทาภายนอกได้แก่

  • Aldara Imiquimod  Cream5%  เป็นครีมที่ผู้ป่วยสามารถใช้ทาหูดที่อยู่ภายนอกอวัยวะเพศและรอบๆ ทวารหนักได้ด้วยตัวเองปลอดภัยได้ผล ใช้ง่าย และเป็นทางเลือกทางหนึ่งแทนการบำบัดที่ทำลายเนื้อเยื่อ

สั่งซื้อผลิตภัณฑ์รักษาหูด-หูดหงอนไก่ คลิก

ขั้นตอนการสั่งซื้อ Aldara cream 5% คลิก

วิธีใช้ Aldara cream 5% คลิก

aldara cream ติดต่อสั่งซื้อยารักษาหุดหงอนไก่aldara cream

  • Podophyllin (ใช้โดยอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ใช้ทาหูดที่อยู่ภายนอกอวัยวะเพศและปฏิบัติตามวิธีใช้                 (ไม่แนะนำให้ใช้กับหญิงมีครรภ์)

สั่งซื้อ Podophylin Paint,co. คลิก

podophyllin

หากท่านกำลังตั้งครรภ์ หรือคิดว่าอาจจะตั้งครรภ์ โปรดแจ้งให้แพทย์ของท่านทราบเพื่อจะได้เลือกวีธีการรักษาที่จะไม่เป็นอันตรายต่อตัวท่านเองและต่อทารกของท่าน

   อนึ่ง หากทายา aldara และ Podo แล้วอาการหูดหงอนไก่ยังไม่ดีขึ้น แพทย์อาจใช้วิธีการ จี้เย็น” “จี้ไฟฟ้า” “เลเซอร์” หรือ “ผ่าตัดหูดหงอนไก่ออก”  ส่วนหญิงมีครรภ์ หากเป็นหูดหงอนไก่อยู่ด้วย หูดจะขยายตัวเร็วมาก เพราะเป็นช่วงที่มีเลือดมาเลี้ยงมาก ดังนั้น ต้องรีบรักษาแต่เนิ่น ๆ แต่ถ้าพบตอนคลอด แพทย์จะผ่าคลอดทางหน้าท้องให้แทนการคลอดตามธรรมชาติ

ใช้เวลาเท่าไรในการรักษาโรคหูดหงอนไก่
โดยทั่วไปการรักษาอาจใช้ระยะเวลานาน 2-3 เดือน ระยะเวลาสูงสุดที่แนะนำคือ 4 เดือนหรือนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์

หูดที่มีขนาดใหญ่ ปริมาณหูดขึ้นเยอะ ขึ้นบริเวณส่วนต่างๆที่เป็นจุดอับ จะใช้เวลานาน การรักษาที่ยุ่งยากและเสียค่าใช้จ่ายสูง

วิธีการป้องกันการติดเชื้อโรคหูดหงอนไก่
1. งดการมีเพศสัมพันธุ์เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด
2. ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ เพราะนั้นย่อมหมายถึงคุณก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้น
3. ไม่ควรจะเปลี่ยนคู่นอน
4. หากผู้ที่มีหูดหงอนไก่ควรจัดการรักษาให้หายเรียบร้อยก่อนจึงจะมีเพศสัมพันธุ์
5. ให้สวมถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันะธุ์ที่ไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัย
หลายคนอาจจะคิดในใจว่า ในเมื่อหูดหงอนไก่เป็นโรคที่ติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดก็คือ การไม่มีเพศสัมพันธ์ตลอดชีวิตใช่ไหมล่ะ ความคิดนี้ก็ถูกต้องครึ่งหนึ่งครับ เพราะจริง ๆ แล้ว แม้จะไม่มีเพศสัมพันธ์ แต่หากมีการสัมผัสอวัยวะเพศภายนอกอย่างรุนแรงด้วยวัตถุ หรืออวัยวะที่มีเชื้อไวรัส HPV ตัวนี้อยู่ ก็ทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
แล้วการใส่ถุงยางอนามัยล่ะ จะช่วยป้องกันโรคนี้ได้หรือไม่? คำตอบก็คือ แม้ถุงยางอนามัยจะช่วยป้องกันโรคเอดส์ หนองใน ได้ทางหนึ่ง แต่สำหรับโรคหูดหงอนไก่อาจจะช่วยป้องกันไม่ได้เท่าไรนัก เพราะเชื้อ HPV นี้ จะกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ทั้งทวารหนัก ฝีเย็บ หัวเหน่า ฯลฯ ซึ่งเป็นบริเวณที่ถุงยางอนามัยไม่ครอบคลุมนั่นเอง ฉะนั้นแล้ว หากมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อหูดหงอนไก่นี้อยู่ในตัวก็ถือว่าเสี่ยงต่อการเป็นหูดหงอนไก่ได้เช่นกัน!

เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อเอชพีวี ได้หรือไม่

การ์ดาซิล เป็นวัคซีนเอชพีวีชนิดหนึ่งที่มีจำหน่ายในประเทศออสเตรเลีย และสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีสี่ประเภท – สองประเภทเป็นสาเหตุร้อยละ 70 ของมะเร็งปากมดลูก และอีก 2 ประเภทเป็นสาเหตุร้อยละ 90 ของหูดที่อวัยวะเพศสตรีและชายที่มีสิทธิจะได้รับการฉีดวัคซีนนี้ฟรี ผ่านทางโครงการการฉีดวัคซีนโรงเรียน หรือสำหรับผู้ที่ออกจากโรงเรียนไปแล้ว ขอรับบริการนี้ได้จากแพทย์และที่ศูนย์สุขภาพชุมชน โดยเสียค่าบริการ อย่างไรก็ตาม วัคซีนเอชพีวีไม่ได้ป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปากมดลูกทั้งหมด ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่ท่านจะต้องรับการตรวจ “แพ็พ เทสต์” อย่างสม่ำเสมอ

เรียบเรียงบทความโดย :

http://www.warts59.wordpress.com

ที่มาบทความ :

http://www.si.mahidol.ac.th

http://www.inderm.go.th

http://www.haamor.com

http://www.mshc.org.au

http://www.bangkokhealth.com

ที่มาวิดีโอ :

http://www.youtube.com/user/PReMAOnline

1 ความเห็น

1 thoughts on “หูดหงอนไก่(HPV)

  1. ......

    เป็นโรคนี้แต่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ เกิดจากอะไรคะ แล้วต้องรักษาอย่างไร เป็นบริเวณปากช่องคลอด ไม่กล้าปากพ่อแม่ด้วยคะ

ใส่ความเห็น

สร้างเว็บไซต์หรือบล็อกฟรีที่ WordPress.com.